วิธีการนำไฟล์ Excel ที่มีค่าพิกัดเข้าในโปรแกรม QGIS

วิธีการนำไฟล์ Excel ที่มีค่าพิกัด (Latitude, Longitude) เข้าไปในโปรแกรม QGIS อย่างละเอียดทีละขั้นตอน เหมาะสำหรับทำบทความหรือคู่มือได้เลย:

✅ เตรียมความพร้อมก่อนเริ่ม

รูปแบบไฟล์: .xlsx หรือ .xls ก็ได้ (แต่แนะนำให้เป็น .xlsx)
ในไฟล์ควรมีคอลัมน์อย่างน้อย 3 คอลัมน์:
- Name หรือ ID (ระบุชื่อหรือรหัสจุด)
- Longitude (ลองจิจูด: แกน X)
- Latitude (ละติจูด: แกน Y)

ตัวอย่างข้อมูล:

ID	Name	Longitude	Latitude
1	Point A	100.523186	13.736717
2	Point B	100.501765	13.756331

ตอนนี้ QGIS จะโหลด Sheet นั้นมาเป็น Table ธรรมดา (Non-spatial Table) ในตารางด้านล่างของ QGIS

คลิกขวาที่ชื่อ Table ที่โหลดมาใน Layers Panel → เลือก “Create a Layer → Create Points Layer”
หน้าต่างใหม่จะเปิดขึ้น:
- X field: เลือกคอลัมน์ Longitude
- Y field: เลือกคอลัมน์ Latitude
- Geometry CRS: เลือก EPSG:4326 - WGS 84 (ระบบพิกัดมาตรฐาน GPS)
ตั้งชื่อชั้นข้อมูลใหม่ เช่น Point_Locations
คลิก OK

ตอนนี้คุณจะได้ชั้นข้อมูลแบบจุดแสดงตำแหน่งจาก Excel บนแผนที่!

เพื่อให้ใช้ซ้ำได้สะดวก:

เลือกประเภทไฟล์ เช่น:
- ESRI Shapefile
- หรือ GeoPackage (รองรับข้อมูลมากกว่า)

ค่าพิกัดต้องถูกต้องตามระบบ (ลองจิจูดระหว่าง -180 ถึง 180, ละติจูดระหว่าง -90 ถึง 90)
อย่าใส่หน่วย เช่น “°” หรือ “N”, “E” ลงในช่องตัวเลข
ถ้า QGIS ไม่แสดง Sheet: ให้ลองเปิด Excel แล้วบันทึกใหม่เป็น .xlsx แบบมาตรฐาน

🧠 คำแนะนำเพิ่มเติม

หัวข้อ	คำแนะนำ
ข้อมูลไม่ขึ้น	ตรวจสอบว่าไม่มีค่าว่างในคอลัมน์พิกัด
ค่าพิกัดผิด	ตรวจสอบว่า Longitude อยู่ระหว่าง -180 ถึง 180 และ Latitude อยู่ระหว่าง -90 ถึง 90
ไม่เห็นจุด	ซูมไปยังเลเยอร์นั้นโดยคลิกขวาที่เลเยอร์แล้วเลือก “Zoom to Layer”
พิกัด UTM	ถ้าคุณใช้พิกัด UTM ต้องระบุ EPSG ที่เหมาะสมกับโซน เช่น EPSG:32647 (สำหรับ UTM โซน 47N)