Geo-referencing หรือการกำหนดค่าพิกัดทางภูมิศาสตร์ให้กับภาพที่ไม่มีพิกัด เช่น ภาพจาก Google Earth ที่เราบันทึกออกมาในรูปแบบภาพถ่าย .jpg หรือ .png เป็นขั้นตอนที่สำคัญในงานด้าน GIS เพื่อให้ภาพเหล่านี้สามารถนำไปซ้อนทับกับแผนที่ที่มีพิกัดได้อย่างแม่นยำ
🔰 ขั้นตอนทั้งหมดประกอบด้วย 7 ขั้นตอนหลัก ดังนี้:
✅ ขั้นตอนที่ 1: ดาวน์โหลดและบันทึกภาพจาก Google Earth Pro
ก่อนจะเริ่มต้น เราต้องมี Google Earth Pro ซึ่งสามารถดาวน์โหลดได้ฟรีที่
https://www.google.com/earth/about/versions/
ขั้นตอน:
- เปิด Google Earth Pro
- ใช้เมาส์เลื่อนและซูมเข้าไปยังพื้นที่ที่คุณต้องการจะบันทึกภาพ
- ปรับมุมมองให้อยู่ในมุมมองจากด้านบน (Top-down view) โดยคลิกปุ่ม Reset Tilt and Compass
- ปิดองค์ประกอบที่ไม่จำเป็น เช่น:
- Title
- Legend
- Scale bar
- Compass
- Google watermark (ปิดไม่ได้ทั้งหมด แต่ให้เลี่ยง)
- ไปที่เมนู File > Save > Save Image\
- ปรับความละเอียด (Resolution) ให้สูงที่สุด และคลิก “Save Image”
- บันทึกภาพในรูปแบบ
.jpg
หรือ.png
ไปไว้ในโฟลเดอร์ที่เตรียมไว้
🔍 คำแนะนำ: หลีกเลี่ยงการบันทึกพื้นที่กว้างเกินไป เพราะการ Geo-referencing ใน ArcMap จะยิ่งแม่นยำน้อยลงหากขนาดของภาพใหญ่
✅ ขั้นตอนที่ 2: เตรียมพิกัดของจุดอ้างอิง (Control Points)
เพื่อให้สามารถกำหนดพิกัดให้กับภาพได้ เราจะต้องมี “จุดอ้างอิง” ที่สามารถระบุพิกัดทางภูมิศาสตร์ได้แม่นยำจาก Google Earth Pro
วิธีการ:
- ใน Google Earth ให้ใช้เครื่องมือ Placemark (รูปหมุด) เพื่อปักหมุดลงในจุดสำคัญ เช่น มุมถนน, อาคาร, จุดตัดเส้นทาง ฯลฯ
- คลิกขวาที่หมุดแต่ละอัน → เลือก “Properties” เพื่อดูพิกัด
- จดพิกัด N (Notting) และ E (Earting) ลงไว้ (หรือสามารถ Export เป็น
.kml
แล้วใช้ใน ArcMap ก็ได้)
✅ แนะนำให้ปักอย่างน้อย 3-5 จุดที่กระจายอยู่ทั่วทั้งภาพ
✅ ขั้นตอนที่ 3: เปิด ArcMap และเพิ่มภาพถ่ายเข้าไป
- เปิดโปรแกรม ArcMap (เวอร์ชันใดก็ได้ที่รองรับ Geo-referencing)
- สร้างโปรเจกต์ใหม่ หรือเปิดแผนที่ที่มีอยู่
- จาก Catalog หรือเมนู Add Data ให้นำเข้าภาพที่ได้จาก Google Earth (.jpg/.png)
- ภาพจะปรากฏใน TOC (Table of Contents) แต่ ยังไม่มีพิกัด
🛑 ภาพจะยังไม่แสดงตรงกับตำแหน่งจริงบนแผนที่ เพราะยังไม่ได้ทำ Geo-referencing
✅ ขั้นตอนที่ 4: เปิดแถบเครื่องมือ Geo-referencing
- ไปที่เมนู Customize > Toolbars > Georeferencing
- จะปรากฏแถบเครื่องมือใหม่ด้านบน ซึ่งมีคำสั่งต่างๆ เช่น:
- Fit to Display
- Add Control Points
- Update Georeferencing
- View Link Table
🧭 ตรวจสอบให้แน่ใจว่าได้เลือก Layer ที่เป็นภาพใน Drop-down ของแถบเครื่องมือนี้
✅ ขั้นตอนที่ 5: กำหนด Control Points เพื่ออ้างอิงพิกัด
นี่คือขั้นตอนสำคัญที่สุด!
- คลิกเครื่องมือ Add Control Points
- คลิกจุดบนภาพที่คุณรู้พิกัด (เช่น มุมอาคารจากภาพ Google Earth)
- จากนั้นคลิกขวา → เลือก Input X and Y
- ป้อนค่าพิกัด Longitude (X) และ Latitude (Y) ที่ได้จากขั้นตอนที่ 2 🔁 ทำซ้ำขั้นตอนนี้สำหรับจุดอื่นๆ อย่างน้อย 3-4 จุด
- ตรวจสอบว่าแต่ละจุดกระจายทั่วภาพ ไม่อยู่ชิดกันเกินไป
📌 หากคุณมีไฟล์ shapefile หรือ point layer ที่มีพิกัดอยู่แล้ว คุณสามารถคลิกจุดอ้างอิงโดยตรงจาก shapefile นั้นได้เลย แทนการพิมพ์พิกัด
✅ ขั้นตอนที่ 6: ตรวจสอบความแม่นยำ
- คลิก View Link Table เพื่อดูตารางค่าพิกัดและค่า Residual (ค่าความคลาดเคลื่อน)
- ค่า Residual ควรน้อยกว่า 5 (หรือยิ่งน้อยยิ่งดี)
- หากจุดใดมีค่าผิดพลาดสูง:
- ให้ลบจุดนั้น
- หรือปรับตำแหน่งใหม่ให้แม่นยำขึ้น
- เมื่อพอใจแล้ว ให้คลิก Update Georeferencing เพื่อบันทึกค่าพิกัดเข้าไปในไฟล์
💾 ArcMap จะสร้างไฟล์ world file (.jgw, .pgw ฯลฯ) ร่วมกับภาพไว้ในโฟลเดอร์เดียวกัน
✅ ขั้นตอนที่ 7: Export ภาพเป็น GeoTIFF (ไฟล์ที่มีพิกัดฝังในตัว)
หากต้องการใช้ภาพนี้ในโปรแกรมอื่นๆ หรือบนเว็บ GIS:
- คลิกขวาที่ Layer → Data > Export Data
- ตั้งค่าข้อมูล:
- Format: GeoTIFF
- Use the same coordinate system as layer/data frame
- บันทึกไฟล์
.tif
ที่ได้ ไปใช้งานในซอฟต์แวร์อื่นๆ เช่น QGIS, ArcGIS Pro ฯลฯ
🎓 หมายเหตุเพิ่มเติม
- ภาพจาก Google Earth มีข้อจำกัดด้านลิขสิทธิ์ ควรใช้งานเฉพาะด้านการศึกษา วิจัย หรือส่วนตัว
- ความแม่นยำจะขึ้นอยู่กับจำนวนและคุณภาพของจุดควบคุม
- หากพื้นที่ใหญ่เกินไป ให้แบ่งภาพออกเป็นหลายๆ ส่วนแล้วทำซ้ำ
📌 สรุปอีกครั้งอย่างย่อ:
ขั้นตอน | รายละเอียด |
---|---|
1 | บันทึกภาพจาก Google Earth Pro |
2 | จดพิกัดจุดสำคัญจาก Placemark |
3 | เพิ่มภาพเข้า ArcMap |
4 | เปิดเครื่องมือ Geo-referencing |
5 | ปักจุด Control Points อย่างน้อย 3-5 จุด |
6 | ตรวจสอบความแม่นยำ → บันทึก |
7 | Export เป็น GeoTIFF หากต้องการใช้ต่อ |